เมอร์เมดสั่งต่อเรือขุดเจาะน้ำมันใหม่เอี่ยมกว่า 136 ล้านดอลลาร์

กลับหน้าข่าว 24 ตุลาคม 2550

เมอร์เมดรุกหนักเดินหน้าธุรกิจบริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งหลังขายหุ้นเพิ่มทุน (IPO) เสร็จ ส่งบริษัทย่อย เมอร์เมด เคนชาน่า ริก 1 พีทีอี ลิมิเต็ด ("เอ็มเคอาร์1") เซ็นสัญญากับเคนชาน่า เอชแอล เอสดีเอ็น บีเอชดี ("เคเอ็นเอชแอล") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ เคนชาน่าปิโตรเลียม เบอร์แฮด ("เคเอ็นพีอี") สั่งต่อเรือขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใหม่ มูลค่ากว่า 136 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา กำหนดส่งมอบในไตรมาส 4 ปี 2552

ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) ("เมอร์เมด") เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ตุลาคม นี้ เอ็มเคอาร์ 1 จะทำการลงนามในสัญญาสั่งต่อเรือขุดเจาะใหม่กับเคเอ็นเอชแอล เอ็มเคอาร์ 1 เป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ของเมอร์เมดในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งถือหุ้นร้อยละ 75 และร้อยละ 25 โดย บริษัท เมอร์เมด ดริลลิ่งค์ (สิงคโปร์) จำกัด ("เอ็มดีเอส") กับบริษัท เคนชาน่า ปิโตรเลียม เวนเจอร์ส เอสดีเอ็น บีเอชดี ("เคเอ็นพีวี") ตามลำดับ เคเอ็นพีวีป็นบริษัทย่อยที่เคเอ็นพีอีถือหุ้นร้อยละ 100 พิธีลงนามในสัญญาสั่งต่อเรือขุดเจาะใหม่จะมีขึ้นในวันนี้ (22 ตุลาคม พ.ศ. 2550)

ทั้งนี้ เรือขุดเจาะใหม่คาดว่าจะทำการส่งมอบในไตรมาส 4 พ.ศ. 2552

เรือขุดเจาะที่สั่งต่อใหม่นี้มูลค่า 136 ล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 4,663.44 ล้านบาท โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่อ 34.29 บาท แบ่งเป็น ตัวเรือขุดเจาะที่ติดตั้งอุปกรณ์ขุดเจาะบนแท่นขุดเจาะได้ด้วยตัวเอง เท่ากับ 91 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และชุดอุปกรณ์ขุดเจาะ เท่ากับ 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวมาจากเงินที่เมอร์เมดได้มาจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) และเงินกู้จากธนาคาร

ปัจจุบัน MKR 1 อยู่ในระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่ๆ หลายรายในภูมิภาคเอเซีย เพื่อทำสัญญาขุดเจาะในระยะยาว และคาดว่า จะประกาศผลการทำสัญญาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

"การซื้อเรือขุดเจาะใหม่ในครั้งนี้ ถือเป็นพันธะสัญญาอย่างหนึ่งของแมอร์เมดในการขยายขนาดกองเรือขุดเจาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการในงานขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง และเพื่อการลดต้นทุนโดยรวม การมีเรือขุดเจาะใหม่จะทำให้เมอร์เมดมีความแข็งแกร่งทางการตลาดที่ดีขึ้นจากการมีกองเรือขุดเจาะที่ทันสมัย เมอร์เมดมีความยินดีในการร่วมงานกับกลุ่มบริษัท เคนชาน่า ปิโตรเลียม ในโครงการที่สำคัญนี้" ม.ล. จันทรจุฑากล่าว

เอ็มดีเอส ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่เมอร์เมดถือหุ้นร้อยละ 100 ได้ตกลงกับเคเอ็นพีอี เพื่อจัดตั้งบริษัทย่อยเอ็มเคอาร์ 1ขึ้นในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นเจ้าของเรือขุดเจาะใหม่ลำดังกล่าว ด้วยทุนจดทะเบียนในขั้นต้น คือ 100 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา และทุนชำระแล้วในขั้นต้น 100 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา และจะมีการเพิ่มทุนในเอ็มเคอาร์ 1 เมื่อมีการชำระเงินตามงวดสัญญาเป็นช่วงๆ

ในเบื้องต้นเอ็มดีเอสจะถือหุ้นใน เอ็มเคอาร์ 1 ร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม ในสัญญาการร่วมลงทุน (Shareholders Agreement) ระหว่างเอ็มดีเอสกับเคเอ็นพีวี โครงสร้างผู้ถือหุ้นจะเปลี่ยนเป็น เอ็มดีเอส ถือหุ้นร้อยละ 75 และเคเอ็นพีวีถือหุ้นร้อยละ 25 ในเอ็มเคอาร์ 1 ซึ่งหากมีการเพิ่มทุนในบริษัท เอ็มเคอาร์ 1 ผู้ถือหุ้นทั้งสองฝ่ายจะลงทุนตามสัดส่วน ทั้งนี้สัญญาการร่วมลงทุนจะลงนามกันในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ด้วยเช่นกัน

เอ็มเคอาร์ 1 นับเป็นบริษัทลำดับที่สองของเมอร์เมดที่ร่วมจัดตั้งขึ้นกับเคเอ็นพีวี ซึ่งบริษัทแรก คือ บริษัท เมอร์เมด ดริลลิ่งค์ เอสดีเอ็น บีเอชดี ("เคเอ็มดี")จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2550 ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งให้บริการขุดเจาะนอกชายฝั่งและให้บริการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานขุดเจาะต่างๆในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศมาเลเซีย เคเอ็มดีเป็นบริษัทที่ร่วมลงทุนระหว่าง เอ็มดีเอส และ เคเอ็นพีวี ด้วยเช่นกัน

เคเอ็นพีอี โดยการดำเนินงานผ่านบริษัทย่อยคือ เคเอ็นเอชแอล เป็นหนึ่งในจำนวน 7 บริษัทรายใหญ่ในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจสร้างแท่นขุดเจาะนอกชายฝั่งจาก บริษัทน้ำมันแห่งชาติมาเลเซีย ("ปิโตรนัส") กลุ่มบริษัทเคเอ็นพีอีนับเป็นกลุ่มบริษัทที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วทางด้านวิศวกรรมโครงสร้างแบบบูรณาการและการสร้างแท่นขุดเจาะให้แก่บริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศมาเลเซีย เคเอ็นพีอีเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งมาเลเซีย