ราคาหุ้นเมอร์เมดในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์วิ่งฉิว ส่งผลให้เมื่อวานนี้ (24 ตุลาคม พ.ศ. 2550) Macquarie ตัดสินใจใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนของเมอร์เมดที่สำรองไว้ 18 ล้านหุ้น เพื่อคืน บริษัท โทรีเซน ชาเตอร์ริ่ง (เอชเค) จำกัด
จากการที่ราคาหุ้นของเมอร์เมดพุ่งสูงขึ้นจากราคาเสนอขายที่หุ้นละ 1.56 ดอลลาร์สิงคโปร์ ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในวันแรก (16 ตุลาคม พ.ศ. 2550) จนถึงวานนี้ (24 ตุลาคม พ.ศ. 2550) ซึ่งราคาปิดในตลาดที่หุ้นละ 2.12 ดอลลาร์สิงคโปร์ ทำให้ Macquarie ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายของเมอร์เมด ได้แจ้งความจำนงมายังเมอร์เมด เพื่อใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญใหม่จำนวน 18 ล้านหุ้นที่เมอร์เมดสำรองไว้ (Over Allotment Option) ในราคาหุ้นละ 1.56 ดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อส่งมอบหุ้นนี้ คืนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของเมอร์เมด คือ โทรีเซน ชาเตอร์ริ่ง (เอชเค) จำกัด ซึ่ง Macquarie ได้ยืมไปจำนวน 18 ล้านหุ้นเพื่อส่งมอบให้ผู้จองซื้อหุ้นที่มีจำนวนเกินกว่าที่จัดจำหน่ายในช่วงที่มีการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของเมอร์เมด (IPO)
ทั้งนี้การใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญที่เมอร์เมดสำรองไว้ โดย Macquarie จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อราคาหุ้นของเมอร์เมดในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์สูงกว่าราคาที่เสนอขาย ซึ่ง Macquarie ก็จะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่สำรองไว้นี้ เพื่อคืนให้กับ TCL HK แต่ถ้าหากราคาหุ้นของเมอร์เมดในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ต่ำกว่าราคาเสนอขาย Macquarie จะทยอยซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์คืนให้กับ TCL HK
เมอร์เมดจะทำการเพิ่มทุนชำระแล้วจากเดิม 523,205,340 บาท เป็น 541,205,340 บาท หรือออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 18 ล้านหุ้น ซึ่งเมอร์เมดคาดว่าจะจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ แล้วเสร็จในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2550 นี้
สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท โทรีเซน ไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) ("TTA") (โดยทางตรงและทางอ้อม) ในเมอร์เมดก่อนการเพิ่มทุน คือ ร้อยละ 57.19 และหลังเพิ่มทุนจะเท่ากับ ร้อยละ 55.29 (โดยทางตรงและทางอ้อม) ของทุนชำระแล้วของเมอร์เมด
"ราคาหุ้นของเมอร์เมดในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในปัจจุบันนับว่า เป็นราคาที่น่าพอใจ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากแนวโน้มของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่กำลังเติบโตอย่างมาก จากการที่ความต้องการใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งมากขึ้น และส่งผลให้มีความต้องการใช้บริการงานขุดเจาะและงานบริการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งเพิ่มขึ้นตามลำดับ" ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ TTA และประธานกรรมการ บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) ("เมอร์เมด") กล่าว
ข้อมูลเกี่ยวกับเมอร์เมด
เมอร์เมดเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในท้องทะเลและบริการวิศวกรรมโยธาใต้น้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมอร์เมดมีฐานลูกค้าเป็นผู้ประกอบการด้านน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ชั้นนำของโลก เช่น BP, Chevron, Exxon Mobil, Ameradas Hess (Indonesia-Pangkah) Ltd., Mitsubishi Heavy Industries และ Tanker Pacific เป็นต้น ในการให้บริการด้านการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซนั้น เมอร์เมดให้บริการผ่านบริษัทย่อยแห่งหนึ่งที่เมอร์เมดเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 95 คือ บริษัท เมอร์เมด ดริลลิ่งค์ จำกัด ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของและให้บริการขุดเจาะโดยเรือขุดเจาะ Tender จำนวน 2 ลำ ส่วนการให้บริการวิศวกรรมโยธาใต้น้ำอันเป็นกิจการหลักอีกอย่างหนึ่งของเมอร์เมดนั้น เมอร์เมดดำเนินการโดยผ่านบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งที่เมอร์เมดถือหุ้นร้อยละ 100 คือ บริษัท เมอร์เมด ออฟชอร์ เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งให้บริการวิศวกรรมโยธาใต้น้ำหลายด้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น การตรวจสอบ การซ่อม และการซ่อมบำรุงใต้น้ำ สิ่งก่อสร้างใต้น้ำขนาดย่อม และบริการสายด่วนฉุกเฉิน ในปัจจุบัน บริษัท เมอร์เมด ออฟชอร์ เซอร์วิสเซส จำกัด มีกองเรือ 6 ลำ โดยเป็นเจ้าของเรือ 4 ลำ อีก 2 ลำที่เหลือเป็นเรือที่อยู่ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาว
Attachments