บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ ยังสร้างผลกำไรต่อเนื่อง ล่าสุดมีกำไรสุทธิกว่า 352.62.ล้านบาทในไตรมาส 3/2552

กลับหน้าข่าว 17 สิงหาคม 2552

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2552 (ระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 30 มิถุนายน 2552) ว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 352.62 ล้านบาท ส่งให้ยอดกำไรสุทธิของบริษัทฯ ตลอดเก้าเดือนที่ผ่านมาเป็น 1,348.90 ล้านบาท การที่บริษัทฯ ยังคงรักษาผลประกอบการในเชิงบวกได้ในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกซบเซา สะท้อนถึงการดำเนินงานแบบกระจายความเสี่ยงและกลยุทธ์การลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม  

ม.ล. จันทรจุฑา  จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า "สำหรับไตรมาสที่ 3/2552 นี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 4,902.51 ล้านบาท ในขณะที่มีรายจ่ายในการดำเนินงานทั้งสิ้น 4,214.55 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่สามนี้อยู่ที่ระดับ 687.96 ล้านบาท"

ในไตรมาสที่ 3 นี้ บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลงจำนวน 151.77 ล้านบาท โดยเป็นเงินสดรับจากการดำเนินงานจำนวน 1,190.45 ล้านบาท และใช้ไปเพื่อการลงทุนจำนวน 1,062.84 ล้านบาท มีรายการเงินสดรับจากกิจกรรมจัดหาเงินจำนวน 11.04 ล้านบาท และได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 290.42 ล้านบาท

ทั้งนี้ กิจกรรมการลงทุนในไตรมาสนี้ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเมอร์เมด เช่น ค่างวดในการสั่งต่อเรือขุดเจาะใหม่ เรือสนับสนุนงานประดาน้ำลึก อุปกรณ์และระบบสนับสนุนต่างๆ  ส่วนที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายสะสมของการนำเรือเข้าอู่ เพื่อตรวจสภาพทั้งของบริษัทฯ เองและของเมอร์เมด  นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขายเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองออกไปอีก 3 ลำ โดยได้รับเงินจากการขายเรือดังกล่าวเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น  232.69 ล้านบาท และมีการขาดทุนในทางบัญชีจากการขายเรือเป็นเงิน 35.09 ล้านบาท

สำหรับผลงานในเก้าเดือนแรกของรอบปีบัญชี 2552 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 1,348.90 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนของผลกำไรแบ่งตามประเภทธุรกิจหลักได้ดังนี้

กำไรสุทธิรอบเก้าเดือนของปีบัญชี 2552
ล้านบาท
ร้อยละ
ธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง
492.8
    36.5
ธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ
164.9
    12.2
บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือเมอร์เมด(ซึ่ง TTA ถือหุ้นเป็นจำนวนร้อยละ 57.1%)
333.2
24.7
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน)(บริษัทที่ถือหุ้นเพื่อการลงทุนและการตัดรายการระหว่างกัน)
358.0
    26.5
รวม
1,348.90           
100

ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบผลงานรวมเก้าเดือนแบบปีต่อปี พบว่า เมอร์เมดเป็นบริษัทในเครือที่มีพัฒนาการในการสร้างผลกำไรให้กับกลุ่มมากที่สุด โดยสามารถเพิ่มเป็นร้อยละ 24.7 ในปีนี้ เมื่อเทียบกับร้อยละ 5.7 ในงวดเก้าเดือนแรกของปี 2551

"ในส่วนของธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ในไตรมาสที่ 3 นี้ บริษัทฯ มีกำไรจากธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองเป็นจำนวน 321.88 ล้านบาท (ไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน) โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 431.25 เมื่อเปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 97.17 ล้านบาท  ในไตรมาสที่สองของรอบปีบัญชี 2552 ทั้งนี้ ปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งหมดของกองเรือในช่วงเก้าเดือนแรกของปีบัญชี 2552 มีจำนวน 9.206 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 53.54 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทฯ ได้พยามยามลดกำลังบรรทุกสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการที่กำลังลดลง 

"ถึงแม้ว่าดัชนีค่าระวางเรือบอลติค (BDI) จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา จาก จุดในเดือนตุลาคม 2551 เป็น 3,757 จุดในมิถุนายน 2552  โดยปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.2 แต่บริษัทฯ คาดว่า ดัชนี BDI จะไม่ทะยานขึ้น และจะยังคงอยู่ในระดับราคาปัจจุบัน ส่งผลให้ภาวะตลาดของธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองยังคงอยู่ในสภาวะนี้ต่อไปจนถึงปี 2553 เนื่องจากประเทศจีนไม่น่าจะนำเข้าแร่เหล็กและถ่านหินมากเหมือนที่ผ่านมา  รวมทั้งปริมาณเรือที่ยังคงล้นตลาดและสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซาทั่วโลก

ส่วนราคาเรือในตลาด แม้แนวโน้มราคาเรือจะลดลง แต่จะไม่ลดลงอย่างทันทีเช่นเดียวกับค่าเช่าเรือ ทำให้ยากที่จะสรุปราคาเรือที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงมองหาเรือมือสองในตลาดที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้กับบริษัทฯได้ โดยอย่างน้อยที่สุดก็ให้คุ้มกับต้นทุนการลงทุน" ม.ล.จันทรจุฑา กล่าวเพิ่มเติม

ด้านธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ  ในไตรมาสที่3 นี้  มีส่วนแบ่งผลกำไรสุทธิให้กับบริษัทฯ  (หลังหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) เท่ากับ  31.47  ล้านบาท โดยไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ บริษัท
โทรีเซน ชิปปิ้ง เอฟแซดอี มีส่วนแบ่งกำไรให้กับบริษัทฯ สูงสุด รองลงมาได้แก่ บริษัท ไอเอสเอส โทรีเซน เอเยนต์ซีส์ จำกัด

"สำหรับผลการดำเนินงานของเมอร์เมดในไตรมาสที่ 3 ของรอบปีบัญชี 2552 เมอร์เมดมีรายได้จากการบริการเท่ากับ 1,451.26 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.23 จากไตรมาสสองที่ผ่านมา และมีส่วนแบ่งกำไรสุทธิให้กับบริษัทฯ เป็นจำนวน 205.75 ล้านบาท โดยไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ  586.88  จากไตรมาสที่สอง ทั้งนี้ อัตราการใช้ประโยชน์จากเรือในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสองไตรมาสแรก และคาดว่าอัตราการใช้ประโยชน์จากเรือที่ฟื้นตัวขึ้นนี้จะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป  นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มการให้บริการในส่วนงานวิศวกรรมโยธาใต้น้ำให้ขยายออกไปยังภูมิภาคอื่นๆ มากขึ้น และสามารถเจาะตลาดในแถบตะวันออกกลางได้โดยได้รับการว่าจ้างให้ดำเนินการเกี่ยวกับงานสนับสนุนโครงสร้าง งานประดาน้ำลึก การให้บริการงานวิศวกรรมโยธาใต้น้ำโดยใช้ยานควบคุมระยะไกล (ROV)  งานสำรวจต่างๆ ซึ่งทางบริษัทฯ ได้สั่งต่อเรือใหม่สนับสนุนงานประดาน้ำ ได้แก่ ชนิด DP2 DSV 2 ลำ และ DP2 ROV จำนวน 1  ลำ ซึ่งคาดว่าจะทยอยส่งมอบได้ทั้งหมดภายในปีปฏิทิน  2552 นี้"

"ส่วนงานธุรกิจขุดเจาะสร้างรายได้ร้อยละ 41.57 ของรายได้รวมของเมอร์เมด โดยระดับกิจกรรมของตลาดเรือขุดเจาะนอกชายฝั่งแบบ tender ยังคงทรงตัวเหมือนกับไตรมาสที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาอัตราค่าเช่าเรือขุดเจาะได้รับแรงกดดันบ้างเล็กน้อย เนื่องจากจำนวนเรือขุดเจาะที่เพิ่มขึ้นในตลาด ความผันผวนของราคาน้ำมัน รวมทั้งการส่งมอบเรือขุดเจาะใหม่มีมากขึ้น แต่บริษัทฯ เชื่อว่าอัตราค่าเช่าเรือขุดเจาะที่ลดลงได้แตะจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดว่าจะได้เห็นสัญญาว่าจ้างใหม่ๆ ตามราคาตลาดในปัจจุบัน รวมถึงจะได้เห็นอัตราค่าเช่าเรือขุดเจาะที่เพิ่มขึ้นในสัญญาที่จะมีในอนาคต  ทั้งนี้ เมื่อดูภาพรวมในตลาดโลกแล้ว อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือขุดเจาะนอกชายฝั่งแบบ tender ยังคงสูง  ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าความต้องการของการใช้เรือขุดเจาะแบบ tender จะเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติหลายแห่งได้หาเรือขุดเจาะเพื่อรองรับโครงการในอนาคต

"ในท่ามกลางสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน บริษัทฯ ยังคงมีผลกำไรและมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในเชิงบวก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและการพัฒนาของกลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทฯ  อย่างไรก็ดี บริษัทฯ เชื่อว่าสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจจะยังคงอยู่ในภาวะยากลำบากเช่นนี้ต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้" ม.ล. จันทรจุฑา กล่าวสรุป

บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ เป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าแห้งเทกองโดยให้บริการขนส่งสินค้าแบบประจำเส้นทางและให้เช่าเหมาลำ รวมทั้งเป็นหนึ่งในบริษัทรายใหญ่ที่ให้บริการงานนอกชายฝั่งเกี่ยวกับงานบริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและงานวิศวกรรมโยธาใต้น้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน)  อีกทั้งเป็นหนึ่งใน 50 อันดับแรกของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง รวมทั้งมีสภาพคล่องสูง