กรุงเทพฯ/ 22 พฤศจิกายน 2555 – บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ประกาศผลงานชิ้นสำคัญของบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) (“เมอร์เมด”) ซึ่งล่าสุดคว้าสัญญาจ้างงานในตะวันออกกลางติดต่อกัน 3 สัญญารวด มูลค่ารวมเกือบ 20,000 ล้านบาทตลอดระยะเวลา 5 ปี ตอกย้ำผลงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมนอกชายฝั่งที่กำลังเติบโต โดยเมอร์เมด เป็นผู้ให้บริการเรือขุดเจาะและงานวิศวกรรมใต้ทะเลให้กับธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และมี TTA เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 57.14%
เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทร่วมทุนของเมอร์เมดกับบริษัท ซามิล ออฟชอร์ เซอร์วิสเซส คอมปานี (“ซามิล”) ผู้ให้บริการด้านงานวิศวกรรมใต้ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้รับสัญญาว่าจ้างงานระยะเวลา 5 ปี มูลค่า 530 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราวๆ 16,277.36 ล้านบาท) จากบริษัทน้ำมันแห่งซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อให้เป็นผู้ดำเนินการงานตรวจสอบ ซ่อมแซม และบำรุงรักษาแท่นขุดเจาะน้ำมัน พร้อมเงื่อนไขในการขยายระยะสัญญาเพิ่มเติมอีก 2 ปี โดยเมอร์เมดจะได้รับส่วนแบ่งจากรายได้ดังกล่าวประมาณ 60-70% ตลอดระยะเวลา 5 ปี
สัญญาดังกล่าว ครอบคลุมการให้บริการดำน้ำแบบครบวงจร ตั้งแต่ การดำน้ำลึกแบบ air/mixed gas การดำสำรวจโดยนักประดาน้ำ การดำสำรวจผ่านยานดำน้ำ การตรวจสอบ และการซ่อมแซมบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับแท่นขุดเจาะ โดยอุปกรณ์และยานพาหนะที่ต้องใช้ ประกอบด้วย เรือสนับสนุนปฎิบัติการบนผิวน้ำ 4 ลำ และเรือสนับสนุนปฏิบัติการดำสำรวจอีก 1 ลำ โดยเมอร์เมด จะนำเรือ เอ็ม.วี. เมอร์เมด เอเชียนา ไปร่วมปฏิบัติงานในสัญญานี้ด้วย นอกจากนี้ เมอร์เมด และบริษัท ซับเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเมอร์เมดในตะวันออกกลาง ก็จะมีส่วนในสัญญาการทำงานนี้ ด้วยนักดำน้ำมืออาชีพกว่า 110 คน ยานสำรวจน้ำลึกแบบรีโมทคอนโทรล 3 ลำ และอุปกรณ์สนับสนุนการดำน้ำอีกจำนวนหนึ่ง
และในเดือนตุลาคมเช่นเดียวกัน บริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง จำกัด (“AOD”) ซึ่งเมอร์เมดถือหุ้นอยู่ 33.75% ก็สามารถหาสัญญางานขุดเจาะใต้ทะเลให้กับเรือ AOR-1 ได้แล้ว โดยสัญญาฉบับนี้มีมูลค่า 197 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 6,050.26 ล้านบาท) ซึ่งยังไม่รวมค่าจัดเตรียมและขนย้ายอุปกรณ์ขุดเจาะอีก 39.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1,213.67 ล้านบาท) ตลอดระยะเวลา 3 ปี โดยมีเงื่อนไขสำหรับการต่อสัญญาเพิ่มได้อีก 1 ปี
ปฎิบัติการขุดเจาะครั้งนี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ซีดริล จำกัด (“ซีดริล”) ในฐานะตัวแทนของ AOD ขณะนี้ เรือขุดเจาะ AOR-1 ซึ่งเป็นเรือขุดเจาะสมรรถนะสูงลำที่หนึ่งจากจำนวนทั้งหมดสามลำ ยังคงอยู่ในระหว่างการต่อเรือที่อู่ Keppel FELS ในประเทศสิงคโปร์ และมีกำหนดจะเดินทางสู่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อเริ่มปฏิบัติงานในเดือนมิถุนายน 2556
และเมื่อเร็วๆ นี้ ซับเทค ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเมอร์เมดในประเทศกาตาร์ ก็ได้คว้าสัญญาระยะเวลา 5 ปี มูลค่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 768.15 ล้านบาท) จากบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติชั้นนำอีกรายหนึ่ง โดยทางบริษัทจะส่งเรือ เอ็มวี เมอร์เมด สยามออกปฎิบัติงานภาคสนามเฉลี่ยปีละ 60-100 วันในด้านการบำรุงรักษาซ่อมแซม และจัดส่งอุปกรณ์ความต้องการของลูกค้า
“การลงนามในสัญญามูลค่า 530 ล้านเหรียญ และ 25 ล้านเหรียญนี้ เป็นผลมาจากการกลยุทธ์การดำเนินงานในการล็อคสัญญาระยะยาว และขยายบริการวิศวกรรมใต้ทะเลของเราออกไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ นอกเหนือจากน่านน้ำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับภูมิภาคตะวันออกกลางนั้นก็ถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็ว และเป็นบริเวณที่เรือและทีมปฏิบัติการใต้น้ำสามารถลงทำงานภาคสนามได้ตลอดทั้งปี ต่างกับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีช่วงฤดูมรสุมทำให้ทำงานไม่ได้” ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TTA กล่าว “นอกจากนี้ เรายังยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ AOD ก้าวมาสู่การดำเนินธุรกิจอย่างเต็มตัวภายในเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น และ AOR-1 ยังได้รับความไว้วางใจจากบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติระดับโลกในตะวันออกกลาง ให้ทำงานด้วยอัตราค่าจ้างงานรายวันที่สูงมากอีกด้วย”
“สัญญาสามฉบับนี้จะสร้างรายได้ กำไร และสภาพคล่องที่แข็งแกร่งให้กับทั้งเมอร์เมดและ AOD เป็นระยะเวลาหลายปีต่อจากนี้ ” นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ รักษาการกรรมการผู้จัดการของเมอร์เมดกล่าว “บริการที่เกี่ยวข้องกับการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินั้น กำลังเป็นที่ต้องการทั่วทั้งเอเชียและตะวันออกกลาง และเมอร์เมดก็สามารถที่จะนำตัวเองเข้าไปแข่งขันชิงส่วนแบ่งจากตลาดที่กำลังเติบโตแห่งนี้ได้ ซึ่งในอนาคตนั้น เราคาดว่ารายได้จากบริการวิศวกรรมใต้ทะเลต่างๆ ของเมอร์เมดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบริษัทก็จะคอยมองหาโอกาสที่จะขยายตลาดในบริการเรือขุดเจาะมากขึ้น ซึ่งมีรายงานว่า อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือขุดเจาะทั่วโลกพุ่งสูงถึง 95% อันเนื่องมาจากจำนวนเรือขุดเจาะทั่วโลกที่ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้งาน ซึ่งจะมีส่วนช่วยดึงให้อัตราการใช้ประโยชน์อยู่ในระดับสูงเช่นนี้ต่อไปได้อีกหลายปี”
นายเฉลิมชัยกล่าวเสริมอีกว่า “เมอร์เมดลงทุนใน AOD ในจังหวะเวลาที่เหมาะสมมาก และเรากำลังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน เพราะเรือขุดเจาะสมรรถนะสูงที่เราได้สั่งต่อไว้กำลังจะส่งมอบ เพื่อพร้อมปฏิบัติงานในช่วงเวลาที่ตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง อัตราค่าจ้างรายวันของเรือขุดเจาะลำใหม่ๆ จึงได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง AOR-1 สามารถเรียกค่าจ้างได้สูงถึง 180,000 เหรียญต่อวัน ซึ่งเป็นถือสถิติใหม่ และเราก็เชื่อว่าตลาดจะยังมีแนวโน้มในทิศทางบวกเช่นนี้ต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปีข้างหน้า”
มร. พอล ไวลีย์ กรรมการผู้จัดการของซับเทค กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ตลอดช่วงปีกว่าที่ผ่านมานี้ ซับเทคประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการขยายธุรกิจทั้งในแถบตะวันออกกลาง และแอฟริกาตะวันตก และเราก็หวังว่า ผลงานที่ผ่านมาของเราจะเป็นตัวพิสูจน์ และช่วยผลักดันให้เราได้ก้าวเข้าสู่ตลาดแอฟริกาเหนือและแนวชายฝั่งบอนนี ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีน้ำมันอยู่เป็นจำนวนมาก”
หลังจากที่ได้ปรับเปลี่ยนทิศทางการทำธุรกิจในปี 2554 รายได้และกำไรของเมอร์เมดในไตรมาสที่ 3 (สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2555) ก็ได้พุ่งสูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 20.5% และ 194.2% ตามลำดับ แนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่งในเวลานี้ จะเป็นปัจจัยผลักดันให้เมอร์เมดพลิกกลับมาสร้างผลประกอบการที่เป็นบวกในปีงบประมาณ 2555 ในขณะที่รายได้และกำไรจะเติบโตอย่างเห็นได้ชัดในปี 2556 เป็นต้นไป
เกี่ยวกับ TTA
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยแผนการลงทุนของบริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจอย่างสมดุลและหลากหลาย ทั้งในกลุ่มธุรกิจขนส่ง กลุ่มธุรกิจพลังงาน และกลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการลงทุนในประเทศไทยและต่างประเทศ TTA ได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุรกิจจากเดิมที่เคยเป็นแต่เพียงผู้ให้บริการเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ด้วยการขยายการลงทุนไปยังบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการวิศวกรรมโยธาใต้น้ำ และนำบริษัท เมอร์เมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หลังจากนั้น บริษัทฯ จึงได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจโลจิสติกส์และปุ๋ยในเวียดนาม (Baconco) ธุรกิจเหมืองถ่านหินในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย และธุรกิจโลจิสติกส์ถ่านหิน (บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส) ธุรกิจขนส่งน้ำมัน (Petrolift) และธุรกิจท่าเรือในตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (Baria)
เกี่ยวกับเมอร์เมด
บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการงานวิศวกรรมใต้ทะเลและงานให้บริการขุดเจาะแก่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งชั้นนำ ก่อตั้งโดยนักประดาน้ำสัญชาติเดนมาร์ค ในปี 2526 เมอร์เมดมีฐานลูกค้าเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติชั้นนำระดับโลก และได้รับการยอมรับจากลูกค้าในเรื่องของการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูง โดยในส่วนงานบริการวิศวกรรมใต้ทะเล เมอร์เมดให้บริการผ่านบริษัทในเครือ ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เมอร์เมด ออฟชอร์ เซอร์วิสเซส (“MOS”) บริษัท ซับเทค และบริษัท ซีสเคป เซอร์เวย์ส ซึ่งทั้งหมดจะทำงานร่วมกัน เพื่อนำเสนองานบริการวิศวกรรมใต้ทะเลครบวงจร ทั้งในเชิงเทคนิค และส่งนักประดาน้ำที่มีความเชี่ยวชาญไปปฏิบัติงานยังฐานการผลิตและสำรวจ ทั้งในประเทศไทย การ์ต้า และอินโดนีเซีย ปัจจุบัน ส่วนงานบริการวิศวกรรมใต้ทะเล เป็นเจ้าของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลจำนวน 8 ลำ (โดยมี 3 ลำเป็นเรือสนับสนุนงานขุดเจาะพิเศษ) และยังเป็นเจ้าของอุปกรณ์ระบบดำน้ำลึกจำนวน 4 ตัว และยานพาหนะควบคุมระยะไกลอีก 12 ตัว เพื่อให้บริการลูกค้าทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย จีน เมดิเตอร์เรเนียน และตะวันออกกลาง สำหรับส่วนงานบริการขุดเจาะ ดำเนินการโดยบริษัท เมอร์เมด ดริลลิงค์ จำกัด (MDL) ซึ่งเป็นเจ้าของเรือขุดเจาะแบบ Tender rigs จำนวน 2 ลำ เพื่อให้บริการงานขุดเจาะ และให้บริการเรือที่พักอาศัยสำหรับสนับสนุนการขุดเจาะ นอกจากนี้ เมอร์เมดยังได้ก่อตั้ง ในบริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง จำกัด (AOD) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเมอร์เมดกับซีดริล AOD เป็นเจ้าของเรือขุดเจาะแบบ jack-up rigs ที่ทันสมัยและมีคุณสมบัติเฉพาะตัวสูงจำนวน 3 ลำ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างในสิงคโปร์ และมีกำหนดส่งมอบในปี 2556 ทั้งนี้ เมอร์เมดเป็นบริษัทสัญชาติไทย ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (MMT:SP) และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพ ประเทศไทย ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mermaid-maritime.com
เกี่ยวกับเอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง
เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง เป็นบริษัทที่เมอร์เมดก่อตั้งขึ้นในปี 2553 เพื่อบริหารกองเรือขุดเจาะสมรรถนะสูงที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ปัจจุบัน บริษัทมีกิจการย่อยอยู่รวมทั้งหมด 3 บริษัท ได้แก่ เอเชีย ออฟชอร์ ริก 1 จำกัด (“AOR1”) เอเชีย ออฟชอร์ ริก 2 (“AOR2”) และ เอเชีย ออฟชอร์ ริก 3 (“AOR3”) ทั้งนี้ AOD จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ออสโล ประเทศนอร์เวย์ และมีกำหนดจะได้รับเรือจุดเจาะสมรรถนะสูงลำใหม่ในเดือนมีนาคม มิถุนายน และกันยายน 2556
เกี่ยวกับซามิล ออฟชอร์ เซอร์วิสเซส
บริษัท ซามิล ออฟชอร์ เซอร์วิสเซส ก่อตั้งขึ้นในปี 2520 โดยพี่น้องตระกูล อัล-ซามิล ปัจจุบันเป็นเจ้าของกองเรือสนับสนุนการปฏิบัติงานนอกชายฝั่งจำนวนกว่า 60 ลำ ซึ่งถือเป็นกองเรือที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง และใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ของโลก บริษัทสามารถให้บริการต่อเรือในพื้นที่นอกชายฝั่ง ซ่อมแซมเรือและแท่นขุดเจาะ บริการอื่นๆ ในพื้นที่นอกชายฝั่ง และการบริหารท่าเรือ ทั้งนี้ เรือส่วนใหญ่ในกองเรือของซามิลนั้น ปฏิบัติงานให้กับซาอุดิ อารามโค ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาว (7 ปี) ซับเทคและซามิลได้ร่วมงานกันเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2545 และยังคงเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันต่อเนื่องมาจวบจนปัจจุบัน
เกี่ยวกับซาอุดิ อารามโค
ซาอุดิ อารามโค หรือบริษัทน้ำมันแห่งซาอุดิอาระเบีย เป็นผู้ผลิตและจัดเก็บน้ำมันอันดับหนึ่งของโลก ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองดาห์ราน และมีน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเหลวสำรองอยู่ถึง 259,700 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ ซาอุดิ อารามโค ถือเป็นบริษัทปิโตรเลียมแบบครบวงจรที่มีธุรกิจครอบคลุมทั้งการสำรวจบ่อน้ำมัน การขุดเจาะและกลั่นน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ปิโครเคมี และการซื้อขายและจัดส่งน้ำมัน ในปี 2554 ซาอุดิ อารามโคสามารถผลิตน้ำมันดิบได้กว่า 9.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และยังปฏิบัติงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งซาอุดิอาระเบีย อ่าวเปอร์เซีย และทะเลแดง คิดเป็นระยะทางรวม 1.5 ล้านกิโลเมตร